การลดการตีตราและการเลือกปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับเอชไอวีในสถานบริการสุขภาพ (S&D E-Learning) Thai DriSti Intervention
"การทดสอบประสิทธิผลของโปรแกรม Thai DriSti intervention ในนักศึกษาแพทย์และนักศึกษาพยาบาล เพื่อลดการตีตราทางสังคมต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี (Evaluation of the Thai Drive against Stigma Intervention (Thai DriSti Intervention) among Medical and Nursing Students in Thailand)"

ชุดการเรียนรู้ที่ 1
รายละเอียด:
ชุดการเรียนรู้ที่ 1
ความหมายของ “การตีตราทางสังคม”
บรรยาย (1) : นำเข้าสู่บทเรียน
“กล่าวทักทาย และนำเข้าสู่บทเรียนโดยให้ผู้เรียนดู วิดีโอสถานการณ์จำลองการตีตราที่เกิดขึ้นในบ้านและชุมชน ให้สังเกตสถานการณ์ในวิดีโอ ว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งนี้คือการตีตรา”
วิดีโอ (1) : สถานการณ์จำลองการตีตราที่เกิดขึ้นในบ้านและชุมชน
บรรยาย (2) : นิยามและขอบเขตของการตีตราและการเลือกปฏิบัติ
ถามคำถามชวนคิด:
เกิดอะไรขึ้นบ้างในสถานการณ์นี้?
ในความคิดของผู้เรียนการตีตราคืออะไร ?
หลังจากนั้นจะมีชี้ให้เห็นความหมายและความแตกต่างของ “การตีตรา vs การเลือกปฏิบัติ”
เนื้อหา:
การตีตรา (stigma) คือ ประสบการณ์หรือกระบวนการทางสังคมที่มีการแบ่งแยกปฏิเสธ กล่าวโทษ หรือลดคุณค่าของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีปัญหาใดปัญหาหนึ่งอันเป็นผลจากประสบการณ์หรือการคาดเดาท่าทีเชิงลบของสังคมต่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีปัญหานั้น ๆ การปฏิบัติที่เป็นผลมาจากการตีตรานี้เรียกว่าการเลือกปฏิบัติ (discrimination) หรือการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม การกระทำนี้อาจจะอยู่ในรูปแบบของการแบ่งแยกหรือการปฏิเสธ ยกตัวอย่างเช่น ปฏิเสธที่จะนั่งข้างผู้ที่คาดว่าจะติดเชื้อเอชไอวี การนินทา การดูถูก และการเรียกพวกเขาว่า “ตราบาป”
หลังจากนั้นผู้บรรยายจะนำผู้เรียนเข้าสู่การทำแบบทดสอบ
แบบทดสอบ (1) : กลุ่มคนที่ถูกตีตราและเลือกปฏิบัติ
ให้เลือกข้อความกลุ่มคนที่ผู้เรียนคิดว่ามักจะถูกตีตราและเลือกปฏิบัติ จากข้อความประชากรกลุ่มต่าง ๆ ที่แสดงบนหน้าจอ โดยในข้อความเหล่านี้จะมีประชากรกลุ่มที่มีความเปราะบางสูง ซึ่งอาจถูกตีตราหรือถูกเลือกปฏิบัติจากสังคม ดังต่อไปนี้ คละอยู่ด้วย
1. คนยากจน
2. คนไร้รัฐ ชาติพันธุ์กลุ่มน้อย
3. แรงงานข้ามชาติ
4. เด็กกำพร้า
5. คนข้ามเพศ
6. LGBT, MSM
7. ผู้ได้รับการผ่าตัดแปลงเพศ
8. ผู้เคยได้รับโทษจำคุกหรือพ้นโทษแล้ว
9. ผู้ใช้ยาเสพติด
10. ผู้ป่วยจิตเวช
11. พนักงานบริการทางเพศ
เมื่อจบ Exercise 1 ผู้บรรยายจะอธิบายเนื้อหาหลักเพิ่มเติม
บรรยาย (3) : ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการตีตราที่สัมพันธ์กับเอชไอวี/เอดส์
เนื้อหา:
เมื่อเราตีตราผู้คน เราแบ่งแยก (isolate) พวกเขา บอกว่าพวกเขาเป็นเป็นอันตรายหรือคุกคามต่อพวกเรา เพราะเราคิดว่าพวกเขาอาจจะนำเชื้อเอชไอวีมาติดต่อเราหรือเราอาจได้รับผลกระทบในทางลบจากพฤติกรรมของพวกเขา หรือเราตัดสิน (judge) พวกเขาว่าพวกเขาทำลายบรรทัดฐานทางสังคมและควรที่จะถูกประณามหรือถูกตราหน้าว่ากระทำความผิด
การเลือกปฏิบัติต่อกลุ่มคนที่ด้อยโอกาสเหล่านี้อาจจะอยู่ในรูปแบบที่เห็นได้อย่างเปิดเผย เช่น ถูกไล่ออกจากบ้าน ให้ออกจากงาน หรืออาจจะอยู่ในรูปแบบที่ไม่ชัดเจนมากนัก เช่น ไม่ให้เข้ามามีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม
ในความเป็นจริงแล้วบางคนอาจจะเป็นสมาชิกของกลุ่มที่ถูกตีตราหลายรูปแบบ ตามลักษณะทางกายภาพ สถานะทางสุขภาพ เพศสภาวะ หรือพฤติกรรมของพวกเขา เมื่อพวกเขาได้รับเชื้อเอชไอวีเขาเหล่านี้อาจจะกลายเป็นเป้าหมายของการตีตราที่แบบหลายชั้น ยกตัวอย่างเช่น หญิงบริการทางเพศอาจมีประสบการณ์การถูกตีตราเนื่องจากการเป็นหญิงบริการทางเพศอยู่แล้วชั้นหนึ่งและถ้าหากว่าเธอติดเชื้อเอชไอวี เธอต้องเผชิญกับการตีตราที่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มเข้ามาจากการที่เป็นพนักงานบริการทางเพศที่มีอยู่เดิม สิ่งนี้เรียกว่าการตีตราทับซ้อน (Layered Stigma)
บางครั้งการตีตราจากสังคมเหล่านี้สามารถทำให้บุคคลเกิดการตีตราตนเอง (internalized stigma) ซึ่งเป็นการที่บุคคลที่ถูกตีตรารับรู้ได้ถึงทัศนคติเชิงลบจากสังคม จนยอมรับความเชื่อในแง่ลบ มุมมอง และความรู้สึกที่ผู้อื่นมีต่อกลุ่มของตนและต่อตนเอง ซึ่งอาจนำไปสู่การตำหนิตนเอง รู้สึกละอายใจ หรือ กลัวการได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างจากคนอื่น ๆ (Anticipated Stigma) หวาดกลัวปฏิกิริยาจากสังคม จนอาจหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน
เราทุกคน ณ จุดใดจุดหนึ่งของชีวิตของเรา อาจจะต้องเผชิญกับรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งของการตีตรา โดยอาจจะเป็นเพราะความแตกต่างของเพศ รูปร่างหน้าตา เช่น สีผิว ความสูง เป็นต้น ความพิการที่มีอยู่ หรือภูมิลำเนา ชนชั้นทางสังคม ศาสนา หรืออาจเป็นเพียงเพราะการเป็นรุ่นน้องในที่ทำงาน
ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการตีตราที่สัมพันธ์กับเอชไอวี/เอดส์
1. ขาดความตระหนัก ไม่ทราบว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นการตีตรา
2. ความกลัวการติดเชื้อ ซึ่งนำไปสู่การปกป้องตนเองจนเกินความจำเป็นในการปฏิบัติงานการให้บริการ เช่น การใช้ถุงมือสองชั้น เป็นต้น
3. ทัศนคติเชิงลบต่อการติดเชื้อเอชไอวีและพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อ
4. นโยบายและสิ่งแวดล้อมทางสังคม เช่น นโยบายการจัดลำดับการให้บริการไว้ลำดับสุดท้าย การทำสัญลักษณ์ระบุสถานะการติดเชื้อเอชไอวี เป็นต้น
แบบทดสอบ (4) : การตีตราและเลือกปฏิบัติ
จะเป็นการให้ผู้เรียนสัมผัสข้อความที่ตรงกับความคิดเห็นของผู้เรียน (เห็นด้วยอย่างยิ่ง/เห็นด้วย/ไม่เห็นด้วย/ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง) ต่อข้อความที่ปรากฏบนหน้าจอ ดังนี้
1. การติดเชื้อเอชไอวีเกิดจากการขาดความรับผิดชอบและมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ผู้ติดเชื้อเอชไอวีควรมีความรู้สึกละอาย (PLHIV)
2. ผู้รับบริการที่ติดเชื้อเอชไอวีควรได้รับการรักษาในสถานที่ที่แยกจากผู้รับบริการรายอื่น ๆ (PLHIV)
3. หญิงที่ติดเชื้อเอชไอวี ไม่ควรมีลูกให้เป็นภาระ ควรได้รับการทำหมันแม้ว่าจะต้องการหรือไม่ก็ตาม (Mother to Child)
4. แรงงานข้ามชาติเป็นตัวแพร่เชื้อเอชไอวี (Migrant Worker)
5. ผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่ใช้สารเสพติดที่ยังเลิกยาไม่ได้ยังไม่ควรได้รับการรักษาเอชไอวี (HIV and Drug User)
6. การจัดหาเข็มและหลอดฉีดยาที่ปลอดเชื้อให้กับผู้ที่ใช้สารเสพติดจะส่งผลให้มีการใช้ยาเสพติดและจำนวนผู้ติดยาเสพติดเพิ่มมากขึ้น (Drugs User)
7. พนักงานบริการทางเพศสมควรที่จะได้รับเชื้อเอชไอวีเนื่องจากพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรมของพวกเขา (Sex Worker)
8. ผู้ชายไม่ควรได้รับอนุญาตให้มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นเพราะมันเป็นสิ่งผิดธรรมชาติ (MSM)
9. บุคคลข้ามเพศควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นโรคและควรได้รับการรักษา (Transgender)
10. พนักงานบริการทางเพศเป็นตัวแพร่เชื้อเอชไอวี (Sex Worker)
บรรยาย (4) : สรุปแบบทดสอบที่ 4
เนื้อหา:
ข้อความข้างต้นนั้นเป็นความคิดแบบเหมารวม (stereotype) เช่น "ผู้หญิงทุกคนต้องการที่จะเป็นแม่" ซึ่งอาจไม่เป็นความจริงเสมอไป เนื่องจากยังมีผู้หญิงอีกจำนวนหนึ่งที่อาจไม่ได้มีความต้องการที่จะมีลูก ความคิดแบบเหมารวมนี้หลายครั้งนำไปสู่การตีตราบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เช่น “พนังงานพนักงานบริการทางเพศทุกคนไร้ศีลธรรม” และ “ผู้ใช้ยาเสพติดน่ารังเกียจ” ได้ บ่อยครั้งที่เราเชื่อว่าความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเหล่านี้เป็นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุคลคนอื่น ซึ่งจริง ๆ แล้วสิ่งนี้มักจะเป็นการสรุปแบบง่าย ๆ เกินความเป็นจริง และเป็นเท็จ ความเชื่อเหล่านี้สามารถนำไปสู่ความการตีตราและการเลือกปฏิบัติได้
แล้วความคิดแบบเหมารวมเหล่านี้มาจากไหน เราเข้าสังคมเพื่อตัดสินคนอื่นตามสมมติฐานเกี่ยวกับพฤติกรรมของพวกเขา โดยผู้อยู่ร่วมกับเชื้อเอชไอวี ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย บุคคลข้ามเพศ พนักงานบริการทางเพศ และผู้ใช้ยาเสพติด ถือว่าเป็นกลุ่มคนที่ละเมิดบรรทัดฐานทางสังคม ดังนั้นบางคนจึงคิดว่าพวกเขาสมควรแล้วที่จะถูกประณามและถูกลงโทษ แล้วเราก็ส่งต่อทัศนคติเหล่านั้นให้แก่ลูกหลานของเราต่อไป
ใบรับรอง/Certification: